
แม้ สมลักษณ์ ปันติบุญ เจ้าของบ้านดอยดินแดง จะออกตัวว่างานของเขา เปลี่ยนแปลงอะไรโลกไม่ได้เลยก็ตาม แต่อย่างน้อยที่สุดบ้านที่มีผนังผสมด้วยดินแดงในพื้นที่ ก็สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย ทั้งนี้ยังไม่รวมผลงานศิลปะและธรรมชาติแวดล้อมที่มีความเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกัน
ดอยดินแดงที่ว่านี้คือ โรงงานและศูนย์แสดงผลิตภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผา ก่อตั้งโดย อาจารย์สมลักษณ์ ปันติบุญ ศิลปิลเซรามิกระดับนานาชาติวัย 51 ปี ตั้งอยู่ที่ 49 หมู่ 6 ซอย 3 บ้านป่าอ้อ ถ.พหลโยธิน ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย 57100 (6 กม.จากสนามบินเชียงรายมุ่งหน้าไปทาง อ.แม่สาย ดอยดินแดงจะอยู่ทางด้านขวามือในซอยเดียวกับหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว เข้าซอยประมาณ 1 กม.) เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2534 เปิดเวลา 08.30-16.00 น. ทุกวันยกเว้นวันอาทิตย์ จุดเด่นของเครื่องปั้นดินเผาที่นี่คือ การใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ ภายในท้องถิ่น โดยคำนึงถึงความปลอดภัย ประโยชน์การใช้งานและมีคุณค่าทางศิลปะ โดยเฉพาะ สีและผิวของเครื่องปั้นดินเผา มีความโดดเด่น เป็นศิลปะร่วมสมัยที่สามารถใช้ตกแต่งบ้านได้ นอกจากนี้ยังมีการสาธิตทำเครื่องปั้นดินเผาให้ได้ชมกันภายในโรงงานด้วย
บ้านดินแดง
ดิน ถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในงานเครื่องเคลือบดินเผา สำหรับศิลปินเซรามิคชาวเชียงราย สมลักษณ์ ปันติบุญ กล่าวว่า เขาหลงรักดินของท้องถิ่น ดินสีแดงที่เขานำมาใช้สร้างบ้านและสร้างสรรค์ผลงานเครื่องเคลือบดินเผาที่รู้จักกันในนาม ดอยดินแดง
หลังจากเรียบจบเทคโนโลยีวิทยาเขต เทคนิคภาคพายัพ เชียงใหม่ แล้วเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อศึกษาเพิ่มเติมทางด้านเซรามิคกับอาจารย์ Twao Onuma และ Tarouemon Nakagato เป็นเวลา 5 ปี สมลักษณ์กลับบ้านที่เชียงรายแล้วมาพบดินแดงคุณภาพเหมาะในการใช้งานที่บ้านป่าอ้อ ตำบลนางแล จึงตัดสินใจซื้อที่จำนวน 9 ไร่ สร้างเป็นบ้าน สตูดิโอ และช้อป ขึ้นเมื่อ 19 ปีที่แล้ว
"เดิมที่นี่เป็นป่าชะอม ต้นไม้ที่เห็นในวันนี้เป็นต้นที่ปลูกขึ้นมาใหม่ บางส่วนก็ขึ้นเองตามธรรมชาติ งานของผมเป็นงานคราฟท์ เป็นศิลปะที่ทำด้วยมือสืบเนื่องจากของโบราณ ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของผม ส่วนงานเซรามิคอาร์ต เป็นงานที่ตอบสนองตนเองเป็นสำคัญ"
ศิลปินอธิบายถึงงานเซรามิคของดอยดินแดงที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วน กล่าวคือ งานเซรามิคประเภทเครื่องถ้วย จาน ชาม ที่ใช้บนโต๊ะอาหาร รวมไปถึงแจกัน กระถาง และเครื่องประดับตกแต่งอาคาร กับผลงานศิลปะที่แฝงไปด้วยความรู้สึก จินตนาการ และเทคนิคเฉพาะตน
"ในการทำงานผมใช้ดินที่มีอยู่ในท้องถิ่น เนื่องจากเชียงรายมีภูเขาเยอะ วัตถุดิบที่นำมาใช้ก็ได้มาจากในท้องถิ่นนี่ล่ะ ไม่ว่าจะเป็นขี้เถ้าฟาง ขี้เถ้าไม้ไผ่ ล้วนเป็นวัตถุดิบสำคัญในการนำมาเคลือบผิวให้เกิดสีสัน อย่างเช่นสีฟ้าก็ได้จากขี้เถ้าฟาง ขี้เถ้าไม้ไผ่
ส่วนดินแดงที่อยู่ในดิน เราก็นำมาทำฝาผนังสีอุ่นๆ โดยผสมเข้าไปในปูนเลย หลายคนคิดว่าเราสร้างบ้านดินแต่ไม่ใช่ เหตุผลที่ใช้ดินผสมเข้าไปในปูนคือ การประหยัด ร้านขายสีทาบ้านไม่ชอบ เพราะผนังบ้านแบบนี้เริ่มแพร่หลาย" เจ้าของบ้านเล่ายิ้มๆ
"ตอนที่เราทำบ้านเราก็ขุดดินขึ้นมาแยกไว้เลย 1 กอง สำหรับทำสีผนัง เน้นที่ประหยัด สิ่งแวดล้อมดี โจทย์ของเราคือ ดูแลสิ่งแวดล้อมด้วย"
"เดิมที่นี่เป็นป่าชะอม ต้นไม้ที่เห็นในวันนี้เป็นต้นที่ปลูกขึ้นมาใหม่ บางส่วนก็ขึ้นเองตามธรรมชาติ งานของผมเป็นงานคราฟท์ เป็นศิลปะที่ทำด้วยมือสืบเนื่องจากของโบราณ ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของผม ส่วนงานเซรามิคอาร์ต เป็นงานที่ตอบสนองตนเองเป็นสำคัญ"
ศิลปินอธิบายถึงงานเซรามิคของดอยดินแดงที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วน กล่าวคือ งานเซรามิคประเภทเครื่องถ้วย จาน ชาม ที่ใช้บนโต๊ะอาหาร รวมไปถึงแจกัน กระถาง และเครื่องประดับตกแต่งอาคาร กับผลงานศิลปะที่แฝงไปด้วยความรู้สึก จินตนาการ และเทคนิคเฉพาะตน
"ในการทำงานผมใช้ดินที่มีอยู่ในท้องถิ่น เนื่องจากเชียงรายมีภูเขาเยอะ วัตถุดิบที่นำมาใช้ก็ได้มาจากในท้องถิ่นนี่ล่ะ ไม่ว่าจะเป็นขี้เถ้าฟาง ขี้เถ้าไม้ไผ่ ล้วนเป็นวัตถุดิบสำคัญในการนำมาเคลือบผิวให้เกิดสีสัน อย่างเช่นสีฟ้าก็ได้จากขี้เถ้าฟาง ขี้เถ้าไม้ไผ่
ส่วนดินแดงที่อยู่ในดิน เราก็นำมาทำฝาผนังสีอุ่นๆ โดยผสมเข้าไปในปูนเลย หลายคนคิดว่าเราสร้างบ้านดินแต่ไม่ใช่ เหตุผลที่ใช้ดินผสมเข้าไปในปูนคือ การประหยัด ร้านขายสีทาบ้านไม่ชอบ เพราะผนังบ้านแบบนี้เริ่มแพร่หลาย" เจ้าของบ้านเล่ายิ้มๆ
"ตอนที่เราทำบ้านเราก็ขุดดินขึ้นมาแยกไว้เลย 1 กอง สำหรับทำสีผนัง เน้นที่ประหยัด สิ่งแวดล้อมดี โจทย์ของเราคือ ดูแลสิ่งแวดล้อมด้วย"




การทำงานโดยยึดแบบแผนโบราณด้วยการขึ้นรูปภาชนะด้วยมือ และใช้เทคนิคการปั้น เผา เคลือบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กลายเป็นจุดเด่นและจุดแข็งที่ทำให้เหล่านักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจงานศิลปะแขนงนี้ ติดต่อขอเข้าชมการทำงานอยู่แทบทุกวัน
บ้านดอยดินแดงในวันนี้จึงมีทั้งโรงปั้นที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้ชมวิธีการทำงานและสามารถสอบถามพูดคุยกับช่างได้อย่างใกล้ชิด รวมทั้งยังสามารถพูดคุยกับศิลปินถึงวิธีคิดและขั้นตอนการทำงานศิลปะได้ หากมีการนัดหมายล่วงหน้า
นอกจากนี้ยังมีสตูดิโอของศิลปิน ห้องแสดงงานเซรามิคอาร์ต ห้องแสดงสินค้าประเภทตกแต่ง ช้อปสำหรับขายสินค้าประเภทเทเบิ้ลแวร์ และล่าสุดเจ้าของบ้านได้เปิดมุมร้านกาแฟไว้อำนวยความสะดวกสำหรับแขกที่มาเยือนอีกด้วย
"สำหรับนักศึกษาที่เข้ามาดูงาน บางคนถามว่างานปั้นมืออย่างนี้จะอยู่รอดได้มั้ย เราก็พยายามสอนเขาเรื่องการพึ่งพาตัวเอง การเป็นศิลปินต้องรู้จักพึ่งตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ต้องรู้จักการพึ่งพาอาศัยกันด้วย ถ้าเราใช้ชีวิตให้กลมกลืนกับธรรมชาติและสิ่งแวล้อมได้ ทำงานดี อยู่รอดแน่นอน"



อยู่กับธรรมชาติอย่างกลมเกลียว
สมลักษณ์เล่าว่า เมื่อสองสามปีก่อนเขาเริ่มสนใจในการเพาะกล้าไม้ ไม้ป่า ไม้ผลบ้าง และมาจริงจังตอนซื้อต้นชาหลายพันธุ์มาปลูกในเนื้อที่ 1 ไร่ เพื่อเป็นงานอดิเรก
"ชอบความเขียวชอุ่มของต้นชา ชอบดื่มชา และอาชีพของผมเป็นคนทำถ้วยชาม ถ้วยชา กาแฟอยู่แล้ว ปลูกชาเอาไว้ต้อนรับแขกบ้าง ดื่มเองบ้า
ปีแรกๆ ซื้อต้นชามาจากแม่สลองขึ้นได้ 3 ปีแล้ว เขียวชอุ่มทั้งปี มี 2-3 ชนิด แต่ปีถัดไปเราจะปลูกเพิ่มเติมเราคงจะไม่จำเป็นต้องซื้อต้นชาอีกแล้ว เพราะเห็นเมล็ดชาขึ้นเต็มต้นไปหมด ชาบางชนิดเอาเมล็ดไปเพาะชำต้นอ่อนจากกิ่งชาที่ตัดออกมาจากต้นที่แก่ และไม่แปลกใจแต่อย่างใดที่มีคนพูดว่าชาของเขาทั้งหมดหลายร้อยหลายพันไร่ เกิดจากต้นชาหลังสวนของเขาเอง
การปลูกต้นชากลายเป็นงานอดิเรกที่ผมรักและชอบไปทีเดียว และอีกอย่างหนึ่งที่ชอบที่สุด คือ การเก็บสะสมเมล็ดของต้นไม้ป่า เมล็ดของไม้ผล และพืชพันธุ์ธัญญาหาร มันช่างมีรูปร่างที่แปลก มีปริมาตรที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งเหมือนเป็นงานประติมากรรม ออร์แกนิค ฟอร์มที่เกินกว่ามนุษย์จะคิดได้เลยทีเดียว"
ใบชาที่ปลูกไว้เป็นงานอดิเรก กลายมาเป็นชาร้อนกลิ่นหอมให้แขกผู้มาเยือนดื่มท่ามกลางความร่มเย็นของแมกไม้ที่ดูเหมือนป่าขนาดย่อม และอีกไม่นานที่ร้านกาแฟเปิดใหม่ก็จะวางขายชาดอยดินแดงผลผลิตจากงานอดิเรก
ส่วนเมล็ดพันธุ์ที่เก็บสะสมไว้ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินสร้างสรรค์ผลงานเซรามิคชุดล่าสุด The Still Voice of the Forest ที่เคยนำมาจัดแสดงที่ หอศิลป์ร่วมสมัยอาร์เดล เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และนำมาจัดแสดงในสตูดิโอดอยดินแดงในขณะนี้
ในงานแสดงผลงานชุดนี้ สมลักษณ์ได้ให้ความเห็นต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในทั่วโลกเอาไว้อย่างน่าคิดว่า
"ปัญหามันเกิดขึ้นเพราะเกิดจากค่านิยมการบริโภคนิยมของมนุษย์โลก และการจัดการที่จะให้ความสมดุลของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกลับคืนมานั้น ดูจะหมดหนทางถ้าเป็นไอย่างที่เป็นอยู่อย่างนี้ แต่สำหรับผมแล้ว ผมยังมีความหวังทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อสนองตอบต่อตนเองและเท่าที่ตัวผมเองจะทำได้ และยังมีความหวังกับมนุษย์ร่วมโลกที่อุทิศแรงกายแรงใจและมีความคิดไปในทำนองเดียวกันซึ่งมีจำนวนมากขึ้น และมากขึ้นทั่วทั้งโลก
ตัวผมเอง ผมยังมีต้นกล้าแห่งความหวัง ต้นกล้าไม้ต้นหนึ่งก็คงเปรียบเหมือนมนุษย์หนึ่งคน ถ้าได้เพาะบ่มให้ดี มีดินมีน้ำที่ดีก็จะเติบโตเป็นต้นไม้แห่งความหวังได้ ผลิดอกออกผลต่อไปจนไม่มีที่สิ้นสุด
จุดหมายในการทำงานของผมครั้งนี้ ก็เพื่อการตอบสนองตนเองเป็นสำคัญ แต่อย่างน้อยถ้างานของผมทำให้ผู้คนได้รำลึกถึงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ตัวเองอาศัยอยู่บ้าง ผมก็มีความพอใจและถือว่าบรรลุความสำเร็จอย่างสูงสุดแล้ว เพราะงานของผมเปลี่ยนแปลงอะไรโลกไม่ได้เลย"
มาถึงบรรทัดนี้แล้วไม่แปลกใจเลย ที่บ้านดอยดินแดงไม่เคยขาดแคลนผู้มาเยือน
"ผมเริ่มต้นรู้จักกับอาจารย์สมลักษณ์และบ้านดอยดินแดง ครั้งแรกที่ผมได้เห็นผลงานของอาจารย์ผมรู้สึกได้ว่า งานเครื่องเคลือบดินเผาของอาจารย์ไม่ใช่แค่ผลงานเครื่องเคลือบดินเผาธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไป ยิ่งได้พูดคุย เรียนรู้มองเห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่ใกล้ชิดธรรมชาติอันเป็นเนื้อแท้ของความพอเพียงอย่างแท้จริงแล้ว ผมยิ่งเข้าใจในแรงบันดาลใจและคุณค่าของสิ่งที่อาจารย์พากเพียรสร้างสรรค์"
สวยใก
ตอบลบ